เกมกล้า บ้าดีเดือด!
(Leveraged Buy Out) ถ้าไม่แน่จริง อาจจะกลิ้งไม่เป็นท่า!!
.
เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่น่าสนใจ เพียงแต่ข้อมูลภาษาไทยค่อนข้างมึน กับหัวข้อ LBO (Leveraged Buy Out) การกู้ยืมเงินเพื่อการเข้าซื้อกิจการ!
กล่าวคือ บริษัทไม่อยากที่จะใช้เงินในส่วนของกำไร เข้าซื้อกิจการที่พวกเขาคาดคิดว่ามีศักยภาพ เพราะอาจจะทำให้บริษัทเผชิญกับการขาดสภาพคล่อง หรือ อยากรักษาตัวเลขทางบัญชีให้ดูสวยงาม ดังนั้น LBO จึงเข้ามาช่วยทำให้กิจการ หรือ บริษัท สามารถทำการกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกู้ , การกู้ยืมเงินจากธนาคาร, พันธบัตรรัฐบาล หรือ วิธีการอื่นๆที่สามารถเรียกระดมทุนกับผู้ที่ไว้วางใจให้บริษัทนำเงินพวกเขาเหล่านี้ ไปเข้าซื้อกิจการที่คาดว่าสามารถทำกำไรได้ และจะได้รับผลตอบแทนกลับมาเป็นดอกเบี้ย หรือ ผลตอบแทนในรูปแบบอื่นๆ
.
โดยหลังจากที่บริษัทได้รับเงินจากการกู้ยืมมาแล้ว ก็จะนำเงินในส่วนนี้เข้าไปซื้อกิจการที่พวกเขาคิดว่า มันเป็นกิจการที่ดี ยังพอมีอนาคต แต่ขาดสภาพคล่องในหลายๆปัจจัย อาทิ ด้านการเงิน ด้านเทคโนโลยี หรือ ด้านการบริหารจัดการเป็นต้น แล้วเข้าไปพลิกฟื้นกิจการให้สามารถกลับมายิ่งใหญ่ แถมมีกำไรเป็นกอบเป็นกำ อีกทั้งยังสามารถที่จะคืนดอกเบี้ยให้กับผู้กู้ยืมได้เต็มจำนวน และ สร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัทที่เป็นเข้าไปซื้อกิจการได้อีกด้วย
.
มันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด เพราะบางทีชีวิตก็สู้กลับ!
เหรียญนั้นมีสองด้านเสมอ ไม่รอดก็ร่วง ไม่ประสบความสำเร็จอย่างสุดขีด ก็เจ๊งระเนระนาดไปตามๆกัน ถึงขั้นอาจทำให้บางบริษัทล้มละลาย
เรามาลองดูตัวอย่างการใช้ LBO ที่ประสบความสำเร็จ และ ไม่ประสบความสำเร็จกันสักหน่อย!
(รอด): Blackstone Group ได้เข้าซื้อหุ้นของโรงแรม Hilton ด้วยมูลค่า 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยทำการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน โรงแรม Hilton มักประสบปัญหาในด้านการจัดการบริหารคน และ การ service จากพนักงาน จนโดนลูกค้าบ่นอยู่บ่อยครั้ง และ ทำให้การเข้ามาใช้บริการซ้ำ เกิดขึ้นน้อยมาก เมื่อ Blackstone เข้ามาซื้อกิจการ ก็ทำงานกันอย่างสายฟ้าแลบ ปรับโครงสร้างการดูแลการบริหารใหม่ทั้งหมด โดยเน้นการบริการที่ไม่จำเป็นตัดออกไปเช่น การเสิร์ฟอาหารบนห้อง เพราะว่ามันไม่อร่อยเท่ากับลงมากินในห้องอาหาร หรือ การให้พนักงานใส่ใจงานบริการโดยเน้นการดูแลลูกค้าให้เปรียบเสมือน'คนในครอบครัว ' เหตุนี้เองเมื่อทั้งด้านการบริหารเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ประกอบกับการกลับมาพักซ้ำของลูกค้า ส่งผลให้ทางบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2556 นั่นจึงทำให้ข้อตกลงกับ Hilton นี้ กลายเป็นข้อตกลงการลงทุนในหุ้นเอกชนที่ทำกำไรได้มากที่สุด โดยทำเงินได้ถึง 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการซื้อหุ้นโดยกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าเป็นการซื้อหุ้นโดยกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินที่ดีที่สุดตลอดกาลเลยทีเดียว
(ร่วง) : บริษัท KKR, Bain Capital และ Vornado Realty Trust ทำการเข้าซื้อบริษัทค้าปลีกของเล่นที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Toys "R" Us ในปี 2005 ไปในราคา 6.6 พันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทเอกชนเหล่านี้หวังว่าจะเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานและแข่งขันในสภาพแวดล้อมการค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ล้มเหลวในที่สุด เพราะ หนี้จำนวนมากจาก LBO ทำให้ความสามารถของ Toys "R" Us ทั้งในการลงทุนเพื่อขยายร้านค้า, ความสามารถด้านอีคอมเมิร์ซ และประสบการณ์โดยรวมของลูกค้าถูกจำกัดลง เพราะด้วยการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจาก Amazon และ Walmart ทำให้ Toys "R" Us ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลย เนื่องจากภาระหนี้ที่หนาเตอะ ส่งผลให้ Toys "R" Us ยื่นฟ้องล้มละลายในปี 2017 และต่อมาก็ปิดร้านค้าทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้บริษัทหุ้นส่วนเอกชนที่เกี่ยวข้องขาดทุนอย่างย่อยยับ
*หมายเหตุ : ประโยคที่กล่าวมาข้างต้นด้านบนทั้งหมดนี้ มีการจดทะเบียนลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว หากตรวจสอบพบว่าผู้อื่นผู้ใด มีการคัดลอกข้อความที่คล้ายคลึงกันนี้ ไม่ว่าจะเป็นทางตรง หรือ ทางอ้อม ไม่ว่าจะมีการแก้ไขบางข้อความ ที่บริษัทเล็งเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกับประโยคประโยคด้านบนทั้งหมด ทางบริษัทจะดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายแห่งประเทศไทย.*
#SaranromWhereEveryDealPossible
#Saranromestateandhotel
#Saranromestate